รับทำSEOราคาถูก รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับโพสเว็บราคาถูก รับจ้างโฆษณาสินค้าราคาถูก

อุปกรณ์ออกบูธ

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับรีโนเวท รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา บ้านน็อคดาวน์, ขายบ้านน็อคดาวน์, รับออกแบบบ้านน็อคดาวน์, บ้านสำเร็จรูป

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม ไนโตรเจนเหลว รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจครรภ์ จะไม่ใช่เรื่องชวนสับสนอีกต่อไป  (อ่าน 86 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

motherhood

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 14
  • รับโปรโมทเว็บ รับโพสต์เว็บราคาถูก โปรโมทเว็บ www.posthitz.com
    • ดูรายละเอียด

Permalink: ตรวจครรภ์ จะไม่ใช่เรื่องชวนสับสนอีกต่อไป

ตรวจครรภ์ จะไม่ใช่เรื่องชวนสับสนอีกต่อไป

สำหรับคู่รักที่วางแผนจะมีลูก หากพบว่าประจำเดือนขาดหรือมีอาการทางร่างกายอื่น ๆ ก็คงจะนึกถึงการ “ตรวจครรภ์” เป็นอันดับแรกใช่ไหมคะ แต่ก็อาจจะยังมีผู้หญิงหลายคนที่สับสนว่าควร ตรวจครรภ์ตอนไหนจึงจะได้ผลที่แม่นยำ หรือสงสัยในการใช้งานที่ตรวจครรภ์ ว่าใช้แบบไหนจะจึงถูกวิธี รวมทั้งการอ่านค่า การดูผลตรวจต่าง ๆ ด้วย วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเรื่องนี้ไปด้วยกันค่ะ

เมื่อไหร่ที่ควรตรวจครรภ์
หากคุณเริ่มสงสัยว่าตนเองอาจจะตั้งครรภ์ สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นก่อนได้โดยยังไม่ต้องไปพบแพทย์ อาการที่สามารถพบได้มีดังนี้
- ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือประจำเดือนขาด
- อ่อนเพลียผิดปกติ
- เต้านมขยายและรู้สึกเจ็บ

เมื่อสังเกตแล้วว่ามีอาการเข้าข่ายตามนี้ โดยเฉพาะประจำเดือนไม่มาตามปกติ สิ่งต่อไปที่ควรทำคือซื้อที่ตรวจครรภ์มาทำการตรวจด้วยตัวเอง สำหรับการตรวจด้วยที่ตรวจครรภ์ โดยปกติแล้วควรรอให้เลยวันที่รอบเดือนควรจะมาเสียก่อนอย่างน้อยประมาณ 7 วัน เพราะบางครั้งความเครียด ความวิตกกังวลก็อาจทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติได้ ถ้ารอจนครบ 7 วัน เมื่อตรวจแล้วพบว่าได้ผลบวกแสดงว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ แต่ถ้าให้ผลลบก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไม่ตั้งครรภ์ หากประจำเดือนยังไม่มาอีกภายใน 7 วันหลังจากการตรวจครั้งแรก ก็ให้ตรวจซ้ำอีกครั้ง ถ้ายังให้ผลลบอยู่คุณก็น่าจะไม่ตั้งครรภ์ แต่ก็ยังไม่แน่นอนอยู่ดีหากประจำเดือนของคุณยังไม่มา หลังจากตรวจรอบ 2 ถ้าเลย 7 วันไปแล้วและยังคงกังวลกับผลที่ได้ก็ควรไปพบแพทย์


ที่ตรวจครรภ์ทำงานอย่างไร
รูปแบบการทำงานของที่ตรวจครรภ์คือการตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจหาฮอร์โมนตั้งครรภ์ เช่นเดียวกับการตรวจในทางการแพทย์ที่เรียกว่า การทดสอบหาฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) ในน้ำปัสสาวะของผู้หญิง ฮอร์โมน HCG นี้สร้างมาจากรกและเซลล์ตัวอ่อนของมนุษย์หลังปฏิสนธิไปแล้ว 6 วัน และจะมีปริมาณสูงขึ้นเมื่อปฏิสนธิได้ 8 -12 สัปดาห์ขึ้นไป ดังนั้นหากตรวจพบฮอร์โมนนี้นั่นหมายความว่ากำลังตั้งครรภ์ การตรวจนี้มีความแม่นยำมากถึง 90% และสามารถตรวจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นในรายที่มีประจำเดือนขาตั้งแต่ 10-14 วันขึ้นไป

โดยปกติแล้วในชุดทดสอบจะมีอุปกรณ์ตรวจมาให้พร้อมสรรพ สามารถวัดค่าหรือแสดงผลได้ทันที โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์อื่นนอกเหนือจากที่ให้มาในชุดตรวจสอบ ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 4 รูปแบบ คือ


1. แบบแถบจุ่ม (Test Strip) ในชุดจะประกอบด้วยแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์และถ้วยตวงปัสสาวะ ในส่วนของวิธีการใช้ ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ด้านที่มีลูกศรชี้ลง จุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะเพียง 3 วินาที โดยระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะเลยขีดที่กำหนดหรือสูงเกินขีดลูกศรในแผ่นทดสอบ แล้วนำแผ่นทดสอบออกจากน้ำปัสสาวะ และถือหรือวางไว้ในแนวนอน หากเลือกที่จะวาง ควรวางลงบนพื้นผิวที่แห้งสนิทเท่านั้น แล้วรออ่านผลการตั้งครรภ์ได้ภายใน 1-5 นาที ทางที่ดีควรรอจนครบ 5 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าชุดทดสอบแสดงผลได้อย่างถูกต้อง ข้อดีของแถบตรวจประเภทนี้คือมีราคาถูก แต่ในการใช้งาน ตอนที่นำแผ่นทดสอบจุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะ เราจะต้องคอยระวังไม่ให้น้ำปัสสาวะสูงเกินกว่าขีดที่กำหนด เพราะจะทำให้แผ่นทดสอบเสื่อมสภาพ ที่ตรวจครรภ์แบบแถบจุ่มนี้สามารถหาซื้อได้ในราคาประมาณ 100-150 บาท


2. แบบตลับหรือแบบหยด (Pregnancy Test Cassette) ในชุดประกอบไปด้วยตลับทดสอบการตั้งครรภ์ ถ้วยตวงปัสสาวะ และหลอดหยดสำหรับดูดน้ำปัสสาวะ สำหรับขั้นตอนการใช้ ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำหลอดหยดดูดน้ำปัสสาวะเข้าไปในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วจึงหยดน้ำปัสสาวะลงบนตลับทดสอบที่วางบนพื้นราบประมาณ 3-4 หยด ไม่จำเป็นต้องหยดมากกว่านี้ แล้วปล่อยชุดทดสอบทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นอ่านผลการทดสอบ ข้อดีของแถบตรวจประเภทนี้คือสามารถช่วยลดโอกาสแผ่นทดสอบเสื่อมสภาพจากวิธีการดูดซับน้ำปัสสาวะของชุดทดสอบได้ สามารถหาซื้อได้ในราคาประมาณ 140-180 บาท


3. แบบปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests) ในชุดจะมีแค่แท่งทดสอบการตั้งครรภ์ วิธีก็ใช้เริ่มจากถอดฝาครอบออก โดยที่ถือแท่งทดสอบให้หัวลูกศรชี้ลง แล้วปัสสาวะให้ไหลผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะซึ่งจะอยู่บริเวณต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 5 วินาที แล้วให้ถือหรือวางแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบ และรออ่านผลได้ตั้งแต่ประมาณ 30 วินาทีเป็นต้นไป แต่เพื่อความแม่นยำควรรออ่านผลภายใน 3-5 นาที ที่ตรวจครรภ์ชนิดนี้มีข้อดีคือสามารถใช้งานได้สะดวกมากกว่าชนิดอื่น เพราะไม่ต้องเก็บน้ำปัสสาวะในถ้วย จึงช่วยลดขั้นตอนในการทดสอบได้ แต่จะมีข้อเสียกว่าสองแบบแรกคือจะมีราคาสูงกว่า มักขายกันประมาณ 180-200 บาท


4. แบบดิจิตอล (Digital Pregnancy Tests) ในชุดจะมีมาแค่แท่งทดสอบการตั้งครรภ์ การใช้งานจะคล้ายกับแบบปัสสาวะผ่าน คือถอดฝาครอบออกพร้อมกับถือแท่งทดสอบโดยให้หัวลูกศรชี้ลง จากนั้นปัสสาวะให้ไหลผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะให้ชุ่ม เสร็จแล้วถือหรือวางแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบประมาณ 3 วินาทีเท่านั้น ให้ผลที่ค่อนข้างแม่นยำเพราะแสดงผลแบบจอดิจิตอล แต่มีราคาที่สูงกว่าประเภทอื่นค่อนข้างมาก สามารถพบได้ในราคา 600-700 บาท

การอ่านผลจากที่ตรวจครรภ์
การใช้ที่ตรวจครรภ์เป็นการวัดขีดซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากการหยดน้ำปัสสาวะไปยังที่ตรวจครรภ์ ซึ่งส่วนมากแล้วในกล่องของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่ซื้อมาจะบอกวิธีการใช้และวิธีการอ่านค่าไว้แล้วพร้อมรูปตัวอย่าง ควรอ่านค่าหลังจากที่ทิ้งไว้ 5 นาทีจะเป็นค่าที่แม่นยำที่สุด หากทิ้งไว้นานกว่านั้นอาจทำให้ค่าเปลี่ยนแปลง เช่น มีขีดเพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งอาจไม่ใช่การตั้งครรภ์หรือเป็นค่าที่เชื่อถือไม่ได้แล้ว

ขีดในแถบวัดจะมีด้วยกัน 2 ขีด โดยขีด C คือ Control Line ส่วนขีด T คือ Test Line สำหรับผลที่เกิดขึ้นจะมี 3 แบบ ได้แก่
- ตรวจแล้วขึ้น 1 ขีด พบว่ามีขีดขึ้นที่ C อย่างเดียว คือ ได้ผลลบ แปลว่า “น่าจะไม่ตั้งครรภ์” (หมายความว่า ไม่ตั้งครรภ์ หรือ อาจจะตั้งครรภ์แล้วแต่ยังตรวจไม่พบ
- ตรวจแล้วขึ้น 2 ขีด หรือ ขึ้น 2 ขีด จาง ๆ โดยขึ้นที่ C และ T คือ ได้ผลบวก แปลว่า “น่าจะมีการตั้งครรภ์” ถ้าขีด T ขึ้นจาง ๆ แนะนำว่าให้รออีก 2-3 วันแล้วค่อยตรวจใหม่ ถ้าเปลี่ยนไปใช้ชุดตรวจยี่ห้อใหม่ได้ก็ยิ่งดี
- ตรวจแล้วไม่ขึ้นแถบสีหรือไม่ขึ้นสักขีด หรือ ขึ้น 1 ขีดบนตัว T คือ อ่านค่าไม่ได้ แปลว่า “ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เสีย” ซึ่งอาจเกิดจากการผลิต การเก็บไม่ถูกวิธี การใช้ปัสสาวะเก่า หรือชุดทดสอบหมดอายุ ถ้าตรวจแล้วไม่ขึ้นสักขีดจะเท่ากับว่าการตรวจครั้งนั้นใช้ไม่ได้ ต้องทำการตรวจใหม่อีกครั้ง

หากได้ผลการตรวจที่ขึ้นขีดจาง ๆ ผลจะยังไม่ชัดเจนว่าตั้งครรภ์แล้วหรือไม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าน่าจะมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น เพราะชุดทดสอบในปัจจุบันจะมีความไวสูงมาก ปริมาณฮอร์โมน HCG เพียงแค่ 10 mIU/ml ก็สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้แล้ว ในกรณีนี้ให้ตรวจซ้ำใหม่อีกครั้ง หากต้องการความแม่นยำที่สุดควรตรวจในช่วงที่ขาดประจำเดือนไปแล้ว 10-14 วัน ซึ่งผลที่ได้จะชัดเจนกว่า 90%


คำแนะนำในการทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง
- อ่านคำแนะนำและทำความเข้าใจในการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์อย่างละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเป็นการตรวจหาการตั้งครรภ์เบื้องต้นเท่านั้น ควรตรวจยืนยันผลการตั้งครรภ์โดยแพทย์อีกครั้ง
- การตรวจปัสสาวะ ควรใช้ปัสสาวะหลังจากตื่นนอนตอนเช้าซึ่งจะให้ผลดีที่สุด จุดสำคัญคือต้องใช้ปัสสาวะสด ๆ หรือเป็นปัสสาวะที่ออกมาใหม่เท่านั้น
- ชุดทดสอบเมื่อซื้อมาแล้วสามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น
- เมื่อฉีกซองออกแล้วต้องตรวจทันทีจึงจะได้ผลที่แม่นยำ หากฉีกแล้วยังไม่ตรวจสามารถเก็บไว้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นประสิทธิภาพจะลดลงเพราะเจอความชื้น
- หากต้องการทดสอบซ้ำ ให้เว้นระยะห่างจากการทดสอบครั้งแรกอย่างน้อย 2-3 วัน

แม้ว่าจะสามารถตรวจครรภ์ได้เองที่บ้าน ก็เป็นแค่การตรวจในระดับเบื้องต้นเท่านั้น ทางที่ดีควรไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจยืนยันผลการตั้งครรภ์อีกครั้งหนึ่ง เพราะนอกจากจะมีการตรวจจากปัสสาวะแล้ว ยังมีการตรวจเลือด และการตรวจอัลตราซาวนด์อีกด้วยค่ะ อย่างไรแล้ว Motherhood ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคู่ที่กำลังรอคอยเจ้าตัวน้อย ได้มีเจ้าตัวน้อยมาให้ชื่นชมในปีหนูทองนี้นะคะ

อ่านบทความแนะนำ >>  เพลงกล่อมเด็ก หรือ  เด็กฟันผุ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th



โปรโมทเว็บ โฆษณาสินค้าออนไลน์ ประกาศขายสินค้าฟรี รับจ้างโพสเว็บ รับทำSEOราคาถูก